แน่นอนว่า ตอนนี้ทุกคนยังคงอยู่ในบรรยากาศแห่งความปลาบปลื้มครับ ทันทีที่คุณกระจายข่าวออกไปว่า 'เมียผมท้อง' บรรดาญาติมิตร และเพื่อนฝูงก็จะคอยร่วมแสดงความยินดีกันไม่ขาดสาย เผลอๆ ชวนคุณไปดริ๊งฉลองกันทุกวันเลยละ แต่อ๊ะ เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งกระหน่ำไปนะครับ คิดถึงอนาคตกันหน่อย เตรียมเก็บเงินเก็บทองเตรียมไว้ตอนคลอดด้วยครับ
ที่บอกแบบนี้ก็เพราะ 'พ่อ' บางท่านอาจจะยังไม่ได้วางแผนเรื่องนี้ดีเท่าไหร่ เพื่อนสนิทผมคนหนึ่ง แต่งรถทีละหลายหมื่น แต่เงินจะมาใช้ สวีทกับแฟนแค่หลักร้อย ทำมาเป็นเสียดาย และยิ่งเรื่องลูกแล้ว โอ้โห เสื้อผ้าที่ใส่อย่างกับขอบริจาคมา ผมอยากให้เราใส่ใจลูกด้วยครับ โดยเตรียมตัวตั้งแต่ตอนนี้เลย
นี่จึงเป็นที่มาของเรื่องการวางแผนการเงินครับ ช่วงที่เมียท้องมีเรื่องจำเป็นที่ต้องจ่ายแน่นอนตายตัวคือ 'การฝากท้อง' โดยค่าใช้จ่ายจะขึ้นอยู่กับโรงพยาบาลที่เลือกครับ ถ้าเอกชนก็จะอยู่ที่ประมาณ 7,000-10,000 บาท ส่วนของรัฐบาลก็จะถูกลงมา แต่โดยส่วนตัว ผมจะเลือกเอกชน เพราะหลบเลี่ยงคิวที่ยาวนั่นเอง แต่ถ้าเป็นการนัดพบแพทย์ของรัฐก็จะไม่ค่อยยาวแล้วละครับ แต่ทุกที่ก็จะมีค่าอื่นๆ ที่ต้องจ่ายเพิ่มประปราย เช่น ค่าตรวจหาเบาหวานของคุณแม่ ภาวะครรภ์เป็นพิษ เป็นต้น โดยถ้ามีการตรวจหรือรักษา ก็ต้องจ่ายเพิ่ม เพราะไม่ได้รวมในแพ็คเกจฝากครรภ์ครับ
สำหรับค่าคลอด ก็จะมีมาเป็นแพ็คเกจให้เลือกเหมือนกัน ฟังๆ ดูเหมือนโปรโทรศัพท์เลยเนาะ โดยจะมีให้เลือกตั้งแต่ว่าจะคลอดแบบไหน ธรรมชาติหรือพิเศษ (ผ่าคลอด) เลือกว่าจะอยู่โรงพยาบาลกี่วัน ก็มีให้เลือกครับ ค่าใช้จ่ายจะอยู่ตั้งแต่ 20,xxx ไปจนถึง 50,xxx บาท เลย
ระหว่างช่วงเก้าเดือนนี้ คุณต้องบำรุงคุณแม่ด้วยนะครับ โดยจะต้องดื่มนม เพื่อไปทดแทนแคลเซี่ยมที่ถูกดึงมาสร้างกระดูกให้กับลูกในท้องด้วย ไม่เช่นนั้นแก่ตัวไปจะเป็นโรคกระดูกพรุนได้ ยังไม่รวมถึงอาหารที่ต้องมีประโยชน์ด้วยนะครับ
จะเห็นว่าค่าใช่จ่ายที่เพิ่มขึ้นมาช่วงนี้ อาจจะเกือบแสนเลยทีเดียว ฉะนั้น วางแผนให้ดีๆ นะครับ เพราะเดี๋ยวจะแสนสาหัส เงินทองไม่พอใช้ ลด ละ เลิก งานสังสรรค์ ให้น้อยลง ค่าใช้จ่ายด้านอื่นก็ลดบ้าง เพื่อลูกของเราครับ สู้ๆ ครับ คุณพ่อทุกท่าน